วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2551

ในหลวงรับสั่ง รมต.ใหม่ปฏิบัติตัวให้ดีเพื่อช่วยชาติ-ตรัสถามนายกฯ เรื่องการบริหารบ้านเมือง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่รัฐมนตรีใหม่ที่เข้าเฝ้าฯ ให้ปฏิบัติตัวให้ดี ช่วยประเทศ ถ้าปฏิบัติตัวไม่ดี ก็ไม่ทำให้ประเทศเจริญ และขอให้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ปฏิญาณตน พร้อมตรัสถามการบริหารบ้านเมืองจากนายสมัคร โดยนายสมัครได้กราบบังคมทูลเรื่องชายแดนเขาพระวิหาร การแต่งตั้งที่ปรึกษา การจัดงาน 116 วันเพื่อสร้างความสามัคคี และทูลว่ารัฐบาลจะถอยทุกวิถีทาง ไม่ปะทะ ไม่เริ่มต้น

เวลา 17.12 น.วันที่ 5 สิงหาคม 2551 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯออก ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี นำรัฐมนตรีที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง จำนวน 11 คน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับตำแหน่งหน้าที่ ดังนี้

พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายมั่น พัธโนทัย เป็นรองนายกรัฐมนตรี อีกตำแหน่งหนึ่ง นายสุชาติ ธาดาธำรงเดช เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายพิชัย นริพทะพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายไชยา สะสมทรัพย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายประสงค์ โฆษิตานนท์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

โอกาสนี้ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่รัฐมนตรีที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ดังนี้

“ปฏิญาณตนให้เป็นรัฐมนตรีที่ปฏิบัติดี สำหรับหน้าที่ก็ขอให้เป็นเช่นนั้น เพราะว่าบ้านเมืองก็ต้องมีรัฐมนตรี ถ้าปฏิบัติตัวดีก็ช่วยประเทศ ถ้าปฏิบัติตัวไม่ดี ก็ไม่ทำให้ประเทศเจริญ ก็ขอให้ได้ปฏิบัติตนให้ประเทศเจริญ ซึ่งก็เป็นจุดประสงค์ของความเป็นรัฐมนตรี ก็ขอให้ท่านได้สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามที่ปฏิญาณตนเช่นนี้ ก็ขอให้มีความสำเร็จในการทำตามคำปฏิญาณ”

จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำเนินมายังนายสมัคร และมีพระราชดำรัส ถามนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการบริหารบ้านเมือง ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้กราบบังคมทูลว่า 2-3 วันนี้ จะไปดูทหารที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพราะว่าฮุนเซน ให้ภรรยาขึ้นไปทำพิธีข้างบน มีของแจกทหาร วิทยุไทยได้พูดจาว่ากล่าวว่า ผู้บังคับบัญชาทหารไทยไม่ดูแล ข้าพระพุทธเจ้าได้คิดไว้ก่อนหน้านั้น ก็ได้ทำไปเงียบๆ ไม่ให้ภรรยาไป แต่ให้แม่ทัพภาค 2 ไปแจกแทน ก็ถามผู้บัญชาการทหารบก ก็เลี้ยงดูทุกอย่างครบถ้วน อาหารการกิน เพียงแต่ของขบเคี้ยว ของกินเล่นไม่มี ข้าพระพุทธเจ้าก็ไปซื้อลำไย ซื้อแอปเปิ้ล พวกของขบเคี้ยว ขนมกรอบ จากบ้านอัยการ 7 อย่าง ใส่ถุงไปพันถุง เอาไปฝากให้เขาเงียบๆ ติดพรุ่งนี้รับประธานาธิบดีสหรัฐฯ และจะไปเมืองจีน 3 วัน กลับมาก็จะไปเยี่ยมพวกเขา

จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสถามทหาร ความเป็นอยู่ และอาหารการกินของทหารในพื้นที่ ซึ่งนายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลรายงานว่า วันนี้เรียบร้อย ต่างฝ่ายต่างถอย ไม่เรียกว่าถอน คือ ถอยออกมาทั้ง 2 ข้าง เพื่อที่จะได้ประชุมกันต่อไป และก็จะมีการประชุมกัน ในชายแดนก็จะประชุม และกลางเดือนรัฐมนตรี ก็จะประชุม คือว่า ดึงออกมาจากวงใหญ่เป็นวงเล็ก งานเรื่องกัมพูชาเรียบร้อยดีพระพุทธเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าก็รับด้วยเกล้า จะดำเนินการตามที่รับสั่งไว้ ก็คงจะค่อยยังชั่วขึ้น ตั้งคณะนี้ได้เสร็จ มีคณะที่ปรึกษาใหม่ 5 คน มาช่วยงานข้างนอก คือ เขาก็ไม่อยากที่จะเข้ามาพัวพัน แต่อยากให้ความคิด ก็เลยคิดตั้งเป็นที่ปรึกษาช่วยงานได้ เขาไม่ต้องรับผิดชอบ คณะข้าพระพุทธเจ้ารับผิดชอบเอง ก็เริ่มดำเนินการกันแล้ว คนนั้นจะดูนั่น คนนั้นจะดูนี่ ค่อยยังชั่วพระพุทธเจ้าข้า

ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสขอให้สำเร็จ ซึ่งนายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลว่า 116 วัน จากวันแม่ ถึงวันพ่อ ขอพระราชทานพระบารมี 2 พระองค์ คือ ศาลจะตัดสินคดีความยังต้องออกตัวก่อน บอกว่า คนไทยแตกแยกเป็น 2 ซีก ศาลยืนยันว่า ศาลท่านอยู่ตรงกลาง ข้าพระพุทธเจ้าได้ฟังแล้ว ก็เลยต้องพึ่งพระบารมี ขอจัดงานเพื่อสมานสามัคคี อัญเชิญพระบรมฯ มา จะมีวิ่งธง 76 จังหวัด และก็วันที่ 100 ปี อนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ก็จะมีแสดง ประปา ไฟฟ้า ตลอดทุกอย่างที่ทรงเอาเข้ามา 100 ปีก่อน แสดงรอบละ 9 วัน พอเสร็จแล้ว วันถวายพระเพลิง จะพระราชทานเพลิง สมเด็จพระพี่นางฯ ก็จะให้คนทั้งประเทศ ส่งดวงพระวิญญาณพร้อมกัน พอค่ำนิดหนึ่ง หลังจากพระราชทานเพลิงแล้ว ก็จะจุดเทียน เงียบทั้งประเทศ ส่งดวงพระวิญญาณ ให้มีความสว่างกันทั้งประเทศ ไม่มีใครมีข้างไหน ข้างไหนอีก แล้วพอหลังวันที่ 3 หลังจากทรงตรวจพลแล้ว วันรุ่งขึ้นสมเด็จพระบรมฯ จะรับธง 76 จังหวัดคืน แล้วก็งานก็จะเฉลิมฉลอง วันที่ 5 ก็ 116 วัน พึ่งพระบารมี 2 พระองค์ ให้คนไทยหันหน้าเข้าหากัน แล้วก็คงจะต้องลืมเรื่องต่างๆ ได้ ก็ฟังข่าวมาแล้ว ก็ได้รับการตอบรับดี สมเด็จพระนางเจ้าฯโปรดเกล้าฯ ให้วันที่ 10-12 ให้เลยเข้าไปพระที่นั่งอนันต์ฯ ให้ไปดูศิลป์แผ่นดิน ซึ่งเป็นงานมหัศจรรย์อย่างยิ่ง

ข้าพระพุทธเจ้า ก็เชิญชวนประชาชนไว้ งานศิลปาชีพ ก็จะมาแสดงกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ขายของที่เหลือที่ค้างทั้งหมด ราคาถูกหน่อย แล้วก็แสดงกัน 3 วัน

หลังจากนั้นก็ถือว่า 116 วัน จะให้ประชาชนทั้งบ้านทั้งเมือง ได้สมานสามัคคี โดยขอพระบารมีทั้ง 2 พระองค์พระพุทธเจ้าข้า คงค่อยยังชั่วขึ้น เพราะได้รับการตอบรับค่อนข้างจะดี และบางครั้ง รัฐบาลนั้นก็จะถอยทุกวิถีทาง ไม่ปะทะ ไม่เริ่มต้น ใครจะแสดงอะไร ก็ให้เขาแสดงไป คงจะดับชนวนได้พระพุทธเจ้าข้า


ั้งนี้ ในช่วงท้าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสอวยพร "ก็ขอให้มีความสำเร็จ"



http://pics.manager.co.th/Images/551000009981601.JPEG

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่รัฐมนตรีใหม่ที่เข้าเฝ้าฯ



เชิญแสดงความคิดเหนกับบทความนี่ค่ะ


ที่มา : http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9510000092354

อัพเดต โดย นส.วรัชญา เสาร์คำ ID 513 1601 473





1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ถวายสัตย์ แต่ไม่ปฎิบัติตาม...

ก็คงไม่มีความหมายใช่หรือเปล่าวครับ...