วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2551

โค้งสุดท้ายเลือกตั้งผู้ว่าฯ ปชป.-พปช. ไล่บี้! สมชาย-อภิสิทธิ์ โดดลุยพื้นที่

โดย โพสต์ทูเดย์
วัน อาทิตย์ ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2551 10:15 น.ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการหาเสียงช่วงโค้งสุดท้าย เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. โดยกกต.กทม.ได้จัดให้ผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งในวันที่ 5 ตุลาคมนี้ ว่า ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครผู้ว่ากทม.พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ส.ส. ส.ก. และส.ข. ได้ปล่อยขบวนรถหาเสียง จำนวน 50 คัน กระจายไปทั่วทั้ง 50 เขตของกทม. นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ตนและพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมที่จะทำงานให้กับคนกรุงเทพฯและจะนำประสบการณ์การทำงาน ทั้งชีวิตรวมถึงประสบการณ์และบทเรียนจากการทำงานในการเป็นผู้ว่าฯกทม. ใน 4 ปีที่ผ่านมา ที่เข้าใจปัญหาเป็นอย่างดีมาสร้างอนาคตของคนกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แสดงความมั่นใจว่า ผลงาน 4 ปีที่ผ่านมาของ นายอภิรักษ์ และทีมงานพรรคประชาธิปัตย์ จะทำให้คนกรุงเทพฯเลือกนายอภิรักษ์ กลับเข้ามาทำงานให้คนกรุงเทพฯอีกครั้งส่วนความเคลื่อนไหวของนาย นายประภัสร์ จงสงวน ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ของพรรคพลังประชาชน ในช่วงเที่ยงของวันนี้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค มีภารกิจนำนายประภัสร์ ลงพื้นที่หาเสียงย่าน สยามพารากอน โดยจะนั่งรถไฟลอยฟ้า BTS จากสถานีสยามไปพบปะประชาชนที่สะพานตากสิน เพื่อเปิดตัวนโยบายที่จะนำเสนอกับประชาชน



ID 5131601495

มะเร็งคร่าพอลนิวแมน เจ้าของรางวัลออสการ์

โดย ไทยรัฐ
วัน อาทิตย์ ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2551 00:00 น.
ด้วยวัย 83 ปี เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน พ.ค. พอล นิวแมน ขอหยุดแผนการสร้างภาพยนตร์เรื่อง ออฟ ไมซ์ เดอะ แมน โดยให้เหตุผลว่า สุขภาพไม่พร้อมเพียงพอ
พอล นิวแมนสำนักข่าวต่างประเทศรายงวันนี้ (28 ก.ย.) อ้างโฆษกประจำตัวของ พอล นิวแมน ซูเปอร์สตาร์ เจ้าของรางวัลออสการ์ ระบุว่า พอล นิวแมน เสียชีวิตแล้วจากโรคมะเร็งด้วยวัย 83 ปี เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือน พ.ค. พอล นิวแมน ขอหยุดแผนการสร้างภาพยนตร์เรื่อง ออฟ ไมซ์ เดอะ แมน โดยให้เหตุผลว่า สุขภาพไม่พร้อมเพียงพอ รายงานระบุว่า พอล นิวแมน เริ่มเข้าสู่วงการละครและโทรทัศน์ ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1950 แสดงภาพยนตร์รับบทนำมากกว่า 50 เรื่อง ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์สาขาดารานำชายถึง 10 ครั้ง แต่คว้ามาได้เพียง 1 รางวัล และได้รับรางวัลเกียรติยศอีก 2 ครั้ง เคยแสดงภาพยนตร์ร่วมกับดาราดังมากมาย รวมทั้ง เอลิซาเบธ เทเลอร์ โรเบิร์ต เรดฟอร์ด ทอม ครูส และทอม แฮงส์ นอกเหนือจากเคยร่วมงานกับผู้กำกับภาพยนตร์แนวสยองขวัญคนดัง อัลเฟรด ฮิตช์ค็อก



ID 5131601495

วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2551

รับสั่งรัฐบาล ทำงานไม่ง่าย

โดย โพสต์ทูเดย์
วัน ศุกร์ ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2551 09:58 น.
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งให้รัฐบาลทำงานตามที่ถวายสัตย์ ทรงย้ำสมัยนี้ไม่ใช่ง่ายที่จะปฏิบัติงาน ด้านสภาล่มซ้ำซาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท เนื่องในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ ความว่า คณะรัฐมนตรีที่จะเข้ารับหน้าที่ต่อไปนี้ ขอให้ได้ปฏิบัติตามที่ได้ปฏิญาณไว้ ว่าจะทำงานเพื่อประเทศชาติ เพื่อให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง “ในสมัยนี้ ไม่ใช่ง่ายที่จะปฏิบัติงานรัฐบาล เพื่อที่จะให้บ้านเมืองมีความเจริญ และก็ให้ประชาชนได้รับความเจริญ เพื่อผลประโยชน์ของบ้านเมืองให้สำเร็จโดยแท้ และขอให้ท่านมีกำลังทั้งกาย ทั้งใจที่จะปฏิบัติงานนี้” ความตอนหนึ่งของพระราชดำรัส ด้านการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อลงมติรับร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ... วานนี้ ปรากฏว่าการประชุมสภาต้องล่มอีกครั้ง เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันนับแต่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ในการประชุมได้มีการนับองค์ประชุมถึง 3 ครั้ง แต่ก็ล่มทั้ง 3 ครั้ง โดยเฉพาะครั้งที่ 3 ได้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ ปรากฏว่ามีองค์ประชุมเพียง 218 เสียง ไม่ถึงกึ่งหนึ่งคือ 236 คน อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่ากลุ่ม สส.ฝ่ายรัฐบาล ซึ่งไม่เข้าร่วมประชุม ส่วนใหญ่เป็น สส.กลุ่มเพื่อนเนวิน และ สส.พรรคเพื่อแผ่นดิน กลุ่มบ้านริมน้ำ ซึ่งทั้งสองกลุ่ม ผิดหวังกับการที่ต้องพลาดเก้าอี้รัฐมนตรีในรัฐบาลสมชาย 1 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนนับองค์ประชุม นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร สส.พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ให้ฝ่ายค้าน พยายามรวบรวมสมาชิกเพื่อให้ครบองค์ประชุม แต่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน กล่าวทักท้วงว่า ประธานควรที่จะเรียก สส.ฝ่ายรัฐ ที่มี 300 กว่าเสียง เข้าห้องประชุมมากกว่า และเมื่อเริ่มการขานชื่อนับองค์ประชุม สส.พรรคประชาธิปัตย์ได้พากันเดินออกจากห้องประชุม เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้




ID 5131601495

หน.ทีมหาเสียงจมดับเหตุสาธิตอาบน้ำคลอง ถอดใจยุติหาเสียงอ้างเป็นคนไม่ใช้สัตว์

โดย มติชน
วัน ศุกร์ ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2551 09:28 น.
ลีน่า จัง ช็อค! หลังโชว์อาบน้ำคลองสามวา พบหัวหน้าทีมหาเสียงเลือกตั้งผู้สมัครเป็นผู้ว่าฯกทม.ถูกน้ำพัดจมหายกลายเป็นศพ เผยไม่ขอหาเสียงแล้ว ไร้กำลังใจ รับปากดูและลูกเมียผู้ตายให้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 25 กันยายน นางลีนา จังจรรจา หรือลีน่า จัง ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. หมายเลข 7 สังกัดอิสระ พร้อมทีมงานได้เดินทางไปหาเสียงกับประชาชนย่านคลองสามวาฝั่งตะวันตก หลังจากได้รับร้องเรียนจากประชาชนว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่มีน้ำประปาใช้ และน้ำในคลองสามวาไม่สะอาด เมื่อใช้น้ำในคลองแล้วเกิดผื่นคันขึ้นตามร่างกาย นางลีน่า นุ่งกระโจมอกสีชมพูลงไปสาธิตการอาบน้ำในคลองสามวาพร้อมกับทีมงานทั้งชายหญิงกว่า 10 คน เพื่อพิสูจน์ว่าผื่นจะขึ้นตามร่างกายหรือไม่ แต่หลังจากทีมงานนางลีน่า จัง ลงไปว่ายน้ำได้ไม่นาน ปรากฏว่านายธีระศักดิ์ สิตานนท์ อายุ 32 ปี หัวหน้าทีมงานหาเสียง ของนางลีน่า จัง ซึ่งว่ายน้ำห่างออกไปจากจุดที่สาธิตการอาบน้ำและจมน้ำหายไปกว่าชั่วโมง จนเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูงมร่างของนายธีระศักดิ์ ขึ้นมาพบว่าเสียชีวิตแล้ว นางลีน่า จัง ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาว่า หลังจากทราบว่าทีมงานไม่ได้ขึ้นจากน้ำก็ได้ให้ทีมงานคนอื่นๆ งมหา แต่เนื่องจากทีมงานของตนไม่ใช่นักประดาน้ำจึงไม่ชำนาญและหาไม่พบ จนต้องโทรแจ้งตำรวจ 191 แต่ตำรวจที่มาก็ไม่ได้ช่วยอะไร คนที่ช่วยงม คือ เจ้าหน้าที่จากมูลนิธิร่วมกตัญญู ทั้งนี้ทีมงานของตนลงน้ำไปเพียง 3 นาทีเท่านั้น และก่อนลงน้ำก็ได้สอบถามทีมงานทราบว่าทุกคนว่ายน้ำเป็น

ส่วนสาเหตุของการจมน้ำไม่ทราบต้องรอให้เจ้าหน้าที่จากสถาบันนิติเวชชันสูตรศพ อย่างไรก็ตาม ตนจะให้ความช่วยเหลือกับครอบครัวของนายธีระศักดิ์อย่างเต็มที่ เบื้องต้นทราบว่าขณะนี้ภรรยาของผู้ตายกำลังตั้งครรภ์อยู่ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า หลังจากพบศพนายธีระศักดิ์แล้ว นางลีนาได้เดินทางไปยังสน.นิมิตรใหม่ เพื่อเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.พสธร จันทร์พงษ์ สบ.3 ร้อยเวรรับเรื่อง โดยเดินทางมาพร้อมกับทีมหาเสียงจำนวนกว่า 10 รายและรถร่วมกตัญูญูที่ขนศพนายธีระศักดิ์ พร้อมระบุว่า ตนได้รับการร้องเรียนมาจากชุมชนชาวคลองสามวาตะวันตกว่า ไม่มีน้ำประปาใช้ จึงมาลงพื้นที่เพื่อต้องการช่วยชาวบ้าน

นางลีน่า กล่าวต่อว่า เมื่อมาถึงก็ถามชาวบ้านว่า อาบน้ำที่ไหน ก็ได้รับคำตอบว่า อาบน้ำที่คลองสามวา ตนจึงลองอาบน้ำดู ผ่านไป 3 นาที ก็พบว่า ผื่นขึ้นตามตัว และกำลังจะขึ้นมาจากในน้ำคลอง ขณะนั้นมีผู้หญิงที่อยู่ในทีมหาเสียง บอกว่า เห็นนายธีระศักดิ์ โบกมืออยู่ในคลองและคิดว่าเป็นการล้อเล่น แต่ พอหลังจากนั้น นายธีระศักดิ์ ก็หายไป นางลีน่า ก็เลยให้เด็กที่เหลือลงดำน้ำเพื่อตามหา แต่ก็ไม่พบ จึงโทรศัพท์หาเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู โดยเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ก็สามารถงมศพนายธีระศักดิ์ขึ้นมาให้ได้ พร้อมกดับโวยวายว่า เจ้าหน้าที่ตรวจได้แต่ยืนดูเฉยๆ ไม่ได้ช่วยอะไร ตนจึงมาเพื่อแจ้งความ ซึ่งคาดว่า สาเหตุการตายของนายธีระศักดิ์ เป็นเพราะน้ำที่เย็นและเชี่ยวกรากทำให้นายธีระศักดิ์ เป็นตะคริว ไม่สามารถว่ายน้ำได้ "ดิฉันรักเขาเหมือนลูกชาย เขามาช่วยคุมทีมหาเสียง ซึ่งเคยตีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจึงไล่ออกไปแล้ว หลังจากนั้นเขาก็มาขอแก้ตัว เมื่อประมาณหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ดิฉันจึงให้กลับมาทำงานใหม่ ทั้งนี้ จากนี้ไปคงไม่มีกำลังใจในการหาเสียง เพราะรู้สึกเศร้ามาก และคงเตรียมเรื่องงานศพต่อ ส่วนภรรยาของเขาซึ่งกำลังตั้งครรภ์ได้ 7 เดือนนั้น จะมอบเงินก่อนทำคลอดเดือนละ 2 หมื่นและจะให้ค่าทำคลอด ถ้าแม่เด็กพร้อมก็จะรับเป็นบุตรบุญธรรมเพราะลูกของดิฉันโตหมดแล้ว" นางลีน่ากล่าวและว่า ถ้าภรรยาของนายธีระศักดิ์ ยังไม่มีงานทำ ก็จะให้มาทำงานด้วยจะให้เงินเดือนๆ ละ 3 หมื่น โดยจะหยุดหาเสียง เพราะถ้าหาเสียงต่อก็ถือว่าไม่ใช่คน ถือว่าเป็นสัตว์แล้ว


ด้านมูลนิธิร่วมกตัญญู โดยมีนายสุริยชาติ สากลวารี หัวหน้าชุดกู้ภัยปฏิบัติการในวันนี้ กล่าวว่า การค้นหาศพนายธีระศักดิ์ นาน 20 นาที หลังจากที่นายธีระศักดิ์ ได้ลงไปในน้ำและจมหายไปตอนประมาณ 12.00 น. ซึ่งกว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยจะมางมศพก็ประมาณบ่ายโมง โดยน้ำในคลองลึก 3 เมตร และเป็นคลองที่เพิ่งขุด ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธีระศักดิ์นั้น เคยทำงานเป็นพนักงานของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ด้วยอย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 24 กันยายน ที่ผ่านมา นางลีน่า จัง เพิ่งสาธิตการขึ้นเรือคลองแสนแสบ ที่บริเวณท่าเรือประตูน้ำ ก็เพิ่งตกจากเรือลงไปในน้ำเช่นเดี่ยวกัน แต่ไม่ได้เป็นอะไร



ID 5131601495

เครียด ท้องไม่มีพ่อ 2ราย-กรอกยาฆ่าลูก

โดย ข่าวสด
วัน ศุกร์ ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2551 09:20 น.สาวท้อง 2 เดือนกรอกยาพิษฆ่าลูกชาย 2 ขวบ แล้วซดยาฆ่าตัวตายตาม ลูกดับสยองคาบ้าน ส่วนแม่ดิ้นทุรนทุรายจนมีคนพาส่งร.พ.จึงรอดชีวิต เผยสาวกำแพงเพชรวัย 22 ปี เครียดจากปัญหา ครอบครัวที่ท้องไม่มีพ่อ เกรงว่าพ่อตัวเองจะรู้จึงเขียนจดหมายลาตาย แล้วใช้เลนเนทกรอกยาพิษลูก ก่อนจะกินยาตายตาม โชคดีที่มีคนมาช่วยไว้ทันจึงรอดชีวิต ส่วนจะกระทบถึงลูกในท้องหรือไม่ต้องรอตรวจสอบเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 25 ก.ย. ร.ต.อ.ณัฐวุฒิ สมชัยมงคล ร้อยเวรสภ.เมืองกำแพงเพชร รับแจ้งมีเด็กนอนตายอยู่ในเพิงพัก ไม่มีเลขที่ บ้านศรีโยธิน หมู่ 7 ต.หนองปลิง จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.พายัพ ค้าขาย รองผกก.สภ.เมืองกำแพงเพชร เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการภ.จว.กำแพงเพชร เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนพบบริเวณดังกล่าวมีเพิงสังกะสีสร้างเป็นที่พักสองเพิงติดกัน ภายในเพิงแรกเมื่อเข้าไปดูก็พบศพด.ช.ยงยศ งามสม อายุ 2 ขวบ นอนเสียชีวิตอยู่บนที่นอนเก่า มีมุ้งคลุมที่นอน สวมเสื้อยืดลายการ์ตูนสีชมพูไม่นุ่งกางเกง น้ำลายฟูมปาก ในห้องพบขวดยาฆ่าแมลง ยี่ห้อแลนเนท 1 ขวด แก้วน้ำแบบอะลูมิเนียมมีหูหิ้วมีคราบของยาฆ่าแมลงติดอยู่ 1 ใบ มีขนมปังถุงพลาส ติกคลุกยาฆ่าแมลงวางอยู่หลายชิ้น และยังพบน้ำ ยาฆ่าแมลงไหลนองอยู่กับพื้นห้องด้วยในที่เกิดเหตุพบจดหมายเขียนระบายความอัดอั้นตันใจทิ้งไว้ 1 ฉบับ ระบุว่า "ไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว ถึงต้องหน้าด้านมาขอคำปรึกษา เพราะไม่รู้ว่าจะพึ่งใครจริงๆ นี่ก็ตั้งท้องได้ 2 เดือนแล้ว เรื่องนี้จะให้พ่อรู้ไม่ได้เลย แล้วเดี๋ยวนี้ตานนท์เขาก็พาลูกเมียของเขามาอยู่ด้วยจะให้ทำยังไง เมื่อก่อนไม่เห็นเขาพามา โทร. ไปหาเขาก็ไม่รับสายเลย และไม่กล้าไปเจอหน้าเขา เขาทำขนาดนี้ก็ไม่รู้จะทำยังไง มีแต่เรื่องอะไรนักหนาก็ไม่รู้ หาทางออกยังไม่ได้เลย ช่วยคิดหน่อยจะบ้าตายอยู่แล้ว ถ้าพ่อรู้ว่าทำผิดรอบสองพ่อคงไม่ปล่อยไว้แน่ ถึงตานนท์เขารู้ก็คงไม่ช่วยอะไรแน่ๆ เพราะขนาดนี้เขายังไม่คุยด้วยเลย ช่วยโทร.เข้ามือถือเขาหน่อย อย่างน้อยเขารู้ก็ยังดี 08-7851-7633 ไม่รู้เปลี่ยนเบอร์ไปหรือยัง"จากการสอบสวนนายไพโรจน์ งามสม อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108/6 หมู่ 14 ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก พ่อของน.ส.ไพลิน งามสม อายุ 22 ปี ซึ่งอยู่ที่เพิงพักดังกล่าว และเป็นผู้เขียนจดหมายฉบับดังกล่าว ให้การว่า ปกติตนจะอยู่บ้านที่จ.พิษณุโลก แต่ก่อนเกิดเหตุ 2 วัน ตนเดินทางมาเยี่ยมลูกสาว ซึ่งมีอาชีพเก็บของเก่าขาย โดยเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น.ที่ผ่านมา ตนซึ่งนอนพักอยู่เพิงคนละหลังได้ยินเสียงลูกสาวตะโกนร้องให้ช่วย เมื่อวิ่งไปดูลูกสาวบอกว่ากินยาฆ่าแมลงเข้าไป ตนจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลกำแพงเพชรเพื่อให้แพทย์ล้างท้อง โดยตนเฝ้าดูอาการของลูกสาวอยู่ที่โรงพยาบาลกำแพง เพชรด้วยความเป็นห่วงจนถึงรุ่งเช้า ต่อมานึกได้ว่ายังมีหลานชายนอนอยู่ในเพิงพักอีก 1 คน จึงรีบเดินทางกลับมาดูหลานชายที่เพิงพักดังกล่าว พบว่าด.ช.ยงยศนอนเสียชีวิตแล้ว จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบนายไพโรจน์กล่าวต่อว่า ด.ช.ยงยศเป็นลูกคนแรกของน.ส.ไพลิน แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของเด็ก ซึ่งตนว่ากล่าวตักเตือนและดุด่าไปแล้ว พร้อมกำชับว่าอย่าให้มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก โดยลูกสาวมีอาการเหม่อลอยในช่วงวันสองวันที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุได้อ่านจดหมายของลูกสาวจึงรู้ว่าน.ส.ไพลินตั้งท้องเป็นครั้งที่ 2 ได้ 2 เดือนแล้ว จากจดหมายที่ลูกสาวเขียนทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ และคงจะไปมีความสัมพันธ์กับหนุ่มอื่นซึ่งมีภรรยาอยู่แล้ว จึงเกิดกลุ้มใจแก้ปัญหาไม่ตก เป็นเหตุให้คิดจะฆ่าตัวตายหนีปัญหา โดยต้องการนำลูกชายไปด้วย และหลังดื่มยาฆ่าแมลงเข้าไปทำให้ทุรนทุรายร้องขอความช่วยเหลือจากพ่อ ในขณะที่ลูกชายเสียชีวิตหลังจากกินขนมผสมยาฆ่าหญ้าเข้าไปไม่นานจากนั้นเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบที่ร.พ.กำ แพงเพชร พบว่าแพทย์ได้ล้างท้องให้น.ส.ไพลินแล้ว แต่อาการยังน่าเป็นห่วง แพทย์ต้องรับตัวไว้ดูอาการ โดยระบุว่า ยาที่กินเข้าไปเป็นยาฆ่าแมลง ถ้าเป็นยาฆ่าหญ้าอาจเสียชีวิตไปแล้ว เพราะมีฤทธิ์แรงและเป็นยาชนิดดูดซึม ส่วนลูกในท้องที่มีอายุครรภ์ 2 เดือน ยังไม่แน่ใจว่าจะได้รับผลกระทบหรือไม่ ซึ่งจะต้องรอต่อไปอีกระยะหนึ่ง ในเบื้องต้นยังบอกไม่ได้ ส่วนสา เหตุที่แท้จริงเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรอให้อาการของ น.ส.ไพลินดีขึ้น จึงจะสอบสวนอีกครั้ง



ID 5131601495

วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2551

ลุ้นผลชี้ชะตาจำคุก สมัคร-ดุสิต คดีหมิ่น 09.00น.วันนี้

โดย คม ชัด ลึก
วัน พฤหัสบดี ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2551 00:00 น.ทนายยันสมัคร เข้าฟังคำพิพากษาอุทธรณ์ คดีหมิ่น สามารถ อดีตรองผู้ว่าฯกทม.เวลา 09.00 น.วันนี้ (25ก.ย.) สามารถ เผย ร่วมฟังคำพิพากษาด้วย ปัดไม่คาดหวังผลตัดสิน เชื่อศาลให้ความเป็นธรรม
ผู้ดำเนินรายการ 'สมัคร-ดุสิต คิดตามวัน'" hspace=3 src="http://news.sanook.com/story_picture/m/306754_002.jpg" vspace=3 border=0>นายสมัคร สุนทรเวช และนายดุสิต ศิริวรรณ ผู้ดำเนินรายการ 'สมัคร-ดุสิต คิดตามวัน'(25ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 09.00 น. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี และนายดุสิต ศิริวรรณ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีขณะที่ทั้งสองเป็นผู้ดำเนินรายการสมัคร-ดุสิต คิดตามวัน ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวีและรายการ เช้าวันนี้ที่ช่อง5 สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง5 เมื่อปี 2549 เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา กรณีระหว่างวันที่ 12-19 ม.ค. 49 มีการกล่าวพาดพิงนายสามารถในการล็อคสเป็ค ผู้รับเหมา โครงการประมูลของกรุงเทพมหานคร 10 โครงการ นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ กล่าวว่า ในวันนี้จะเดินทางไปฟังคำพิพากษาแน่นอน ส่วนคำพิพากษาจะออกมาแนวทางใดอยู่ที่ดุลยพินิจของศาล ตนไม่ได้คาดหวังอะไรแต่มีความเชื่อมั่นในศาลสถิตยุติธรรมว่าศาลจะให้ความเป็นธรรมแน่นอน ขอให้รอฟังคำพิพากษาศาลวันนี้ ด้านนายประชุม ทองมี ทนายความนายสมัคร กล่าวว่า นายสมัครจะเดินทางไปฟังคำพิพากษาแน่นอน ไม่ได้มีการยื่นคำร้องขอเลื่อนนัดใดๆ ซึ่งคำพิพากษาออกมาแนวทางใดขอให้รอฟังวันนี้ ส่วนเรื่องประกันตัวนั้นได้เตรียมการไว้แล้วยังใช้หลักเดิมที่เคยยื่นไว้ในศาลชั้นต้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำพิพากษาเมื่อ12 เม.ย. 50 เห็นว่า การกระทำของนายสมัครและนายดุสิต เป็นการเสนอข่าวให้ประชาชนเชื่อว่า การก่อสร้างของกรุงเทพมหานครมีเงื่อนงำ ทุจริต ซึ่งเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย ซึ่งนายสมัครจำเลยที่ 1 เคยกระทำผิดฐานหมิ่นประมาทมาแล้วหลายครั้งโดยศาลปรานีให้รอการลงโทษไว้เพื่อให้ปรับตัวเป็นคนดีแต่จำเลยที่ 1 กลับกระทำผิดซ้ำในความผิดเดิมอีก จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลยทั้งสอง 4 กระทง ๆ ละ 6 เดือน รวมจำคุกคนละ 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากคดีนี้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำเลยยังมีสิทธิ์ยื่นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย แต่ประเด็นข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำเลยต้องขออนุญาตฎีกาโดยให้ผู้พิพากษาหรืออัยการสูงสุดลงนามรับรอง




ID 5131601495

คองเกรสฉีกหน้า บุช! ส่อไม่อนุมัติแผนกู้วิกฤตในสัปดาห์นี้

โดย มติชน
วัน พฤหัสบดี ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2551 00:00 น.
ส.ส.-ส.ว.มะกันหวั่นทุ่ม 23.8 ล้านล้านดอลล์ เยียวยาตกเป็นภาระประชาชน เพราะไม่มีหลักประกันย้ำว่าจะได้ผล รีพับลิกัน ซ้ำ แก้ปัญหาแบบใช้เงินมากเกินด้านเฟด-ธนาคารกลางอังกฤษ-สหภาพยุโรป-บีโอเจอัดฉีดเงินเสริมสภาพคล่องอีกระลอก
จอร์จ ดับเบิลยู บุชสำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 24 กันยายนว่า สมาชิกสภาคองเกรส เริ่มแสดงท่าทีกังขาต่อแผนการกอบกู้วิกฤตการเงิน ที่กระทรวงการคลังเสนอมาเพื่อใช้เงิน 7 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 23.8 ล้านล้านบาท) เข้าซื้อหนี้เสียของสถาบันการเงิน เพราะเกรงว่าจะเป็นการสร้างภาระแก่ประชาชนผู้เสียภาษีมากเกินไป อันเป็นการแสดงให้เห็นว่าคองเกรสจะไม่เร่งร้อนอนุมัติตามที่รัฐบาลต้องการ รวมทั้งแสดงท่าทีต้องการเปลี่ยนแปลงแก้ไขไปจากร่างเดิมที่รัฐบาลเสนอมา ทั้งนี้ นายคริสโตเฟอร์ ดอดด์ ส.ว.จากพรรคเดโมแครต ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการธนาคาร กล่าวภายหลังจากการรับฟังคำให้การจาก นายเบน เบอร์นันกี้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) และนายเฮนรี่ พอลสัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังว่า มาตรการที่กระทรวงการคลังเสนอมาเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เพราะไม่มีอะไรมารับประกันว่าแผนนี้จะได้ผล ดังนั้นก่อนที่สภาจะอนุมัติก็ควรจะได้มีการอภิปรายและพิจารณาว่ามีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้หรือไม่ขณะที่นางแนนซี่ เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐกล่าวว่า ได้เวลายุติงานปาร์ตี้ของบรรดาประธานบริหารบริษัทการเงินที่เกิดปัญหาเหล่านี้แล้ว พวกเขาไม่ควรได้รับเงินชดเชยหรือหนีไปพร้อมกับร่มชูชีพทองคำหลังจากทำให้บริษัทเสียหายรายงานข่าวเปิดเผยว่า แม้พรรคเดโมแครตจะครองเสียงข้างมากในทั้งสองสภา แต่บรรดานักการเมืองในซีกพรรครีพับลิกันก็ได้แสดงท่าทีสงสัยแผนการดังกล่าวของกระทรวงการคลังด้วย โดยเห็นว่ามาตรการที่เสนอมาไม่ใช่หนทางแก้ปัญหาแต่เป็นการแก้ไขปัญหาแบบสังคมนิยมเพราะใช้เงินสูงเกินไป ซึ่งท่าทีแข็งขืนของสภาคองเกรส เท่ากับฉีกหน้าประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ที่ได้กล่าวต่อที่ประชุมใหญ่ประจำปีสมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ย้ำว่า คองเกรสจะเห็นชอบวงเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์ภายในเวลาอันรวดเร็วรายงานข่าวเปิดเผยว่า เดิมคาดหมายกันว่าคองเกรสจะเห็นชอบแผนของกระทรวงการคลังภายในสัปดาห์นี้ เพราะทางรัฐบาลได้ชี้ให้เห็นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนในการกอบกู้วิกฤตก่อนที่จะมีสถาบันการเงินอีกหลายแห่งล้มอีก แต่การแข็งขืนของคองเกรสอาจสร้างความไม่แน่นอนว่าการอนุมัติจะเกิดขึ้นภายในเวลาที่กำหนดหรือที่ตกลงกันไว้เดิมหรือไม่ส่วนการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดเงินทั่วโลกนั้น วันเดียวกันนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้อัดฉีดเงิน 3 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่ตลาดเพื่อให้ธนาคารกลางของออสเตรเลีย เดนมาร์ก นอร์เวย์ และสวีเดน มีเงินดอลลาร์สหรัฐในมือเพียงพอเพื่อแก้สภาพคล่องตึงตัว ซึ่งเป็นไปตามโครงการแลกเงินตราระหว่างกันเพื่อแก้ไขวิกฤตการเงิน ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษอัดฉีดอีก 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ธนาคารกลางสหภาพยุโรป 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนธนาคารกลางญี่ปุ่นอัดฉีดเงินเยนเข้าตลาดการเงินของตนอีก 1.5 ล้านล้านเยน (ประมาณ 4.82 แสนล้านบาท)สำหรับผลพวงจากการล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐนั้นเมื่อวันที่ 24 กันยายน มีผู้ฝากเงินประมาณ 200 คนไปเข้าคิวที่หน้าสำนักงานของธนาคารแบงก์ ออฟ อีสต์ เอเชีย (บีอีเอ) ในฮ่องกง เพื่อขอเงินฝากคืน หลังจากมีข่าวลือว่าธนาคารดังกล่าวมีความไม่มั่นคงเพราะได้รับความเสียหายจากการลงทุนในเลห์แมนฯ รวมทั้งในอเมริกัน อินเตอร์แนชชั่นแนล กรุ๊ป (เอไอจี) ทำให้ผู้บริหารของบีอีเอต้องออกแถลงการณ์ยืนยันว่าข่าวลือดังกล่าวไม่เป็นความจริงและธนาคารมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยมีเงินลงทุนในเลห์แมนฯเพียง 54.2 ล้านดอลลาร์และในเอไอจี 49.9 ล้านดอลลาร์นายโจเซฟ พัง รองประธานบริหารของบีอีเอ กล่าวว่า มีเงินสดเพียงพอที่จะรองรับการถอนของผู้ฝากได้ แต่ไม่ยอมเปิดเผยว่ามีผู้ถอนเงินไปเท่าใด กล่าวเพียงว่าไม่มาก ส่วนลูกค้ารายใหญ่ไม่มีใครถอนเลย




ID 5131601495