วันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

อนุมัติหมายจับ สนธิ ลิ้มทองกุล

ศาลอนุมัติหมายจับ "สนธิ ลิ้มทองกุล" แล้ว! หลังนำคำ "ดา ตอร์ปิโด" ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ 20 กรกฎาคม เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง ตำรวจ สน.ดุสิต ไม่รอช้าส่งภาพ-เสียงหลักฐานขอศาลออกหมายจับ ก่อนอนุมัติทันควัน วันนี้ (23 กรกฎาคม) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 904 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์เพื่อไต่สวนคำร้องของ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ สิงห์ไกร รอง ผกก.สส.สน.ดุสิต เรื่องขออนุมัติหมายจับกุม นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดย พ.ต.ท.สุรศักดิ์ เบิกความต่อศาลระบุว่า ได้ความจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ทำการบันทึกภาพและเสียงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ เมื่อคืนวันที่ 20 กรกฎาคม 51 เวลา 21.45 - 22.15 น. ซึ่ง นายสนธิ แกนนำขึ้นปราศรัย โดยมีข้อความอภิปรายถึงเหตุการณ์ที่ น.ส.ดารณี เชิงชาญศิลปกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด กล่าวข้อความหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการบันทึกภาพและเสียงไว้ ก่อนจะถอดเทปส่งให้ตน ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนนำเสนอผู้บังคับบัญชา จากการสอบสวนพยานหลักฐานเบื้องต้นเห็นว่า คำพูดของนายสนธิเข้าข่ายการกระทำผิดตาม ป.อาญา ม.112 และคดีมีอัตราโทษสูงเกินกว่า 3 ปี ตาม ป.วิอาญา ม.66 อนุ 1 จึงเห็นสมควรขอให้ศาลอนุมัติหมายจับ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พร้อมกันนี้ พนักงานสอบสวนได้ยื่นวีซีดีบันทึกภาพเหตุการณ์การปราศรัย และบันทึกการถอดเทปคำปราศรัยส่งให้ศาลประกอบการพิจารณาด้วย โดยขณะนี้ศาลอยู่ระหว่างพิจารณาคำร้องของพนักงานสอบสวน ล่าสุด เมื่อเวลา 15.58 น. ศาลได้มีคำสั่งอนุมัติหมายจับกุมนายสนธิ ตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอ โดยศาลสั่งว่าหลังจากพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่าคดีมีเหตุอันสมควรให้เชื่อได้ว่า นายสนธิกระทำผิด หรือ อาจกระทำผิดตามกฎหมายอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกเกินกว่า 3 ปี จึงอนุญาตให้ออกหมายจับ โดยหากเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามหมายจับแล้ว ให้แจ้งต่อศาลภายใน 7 วัน

วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ไทยยืนยันต่ออาเซียนพื้นที่เขาพระวิหารเป็นของไทย

สิงคโปร์ 21 ก.ค. - รองนายกรัฐมนตรีไทยยืนยันต่อรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน พื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหารเป็นอาณาเขตไทย ขณะที่อาเซียนพร้อมให้การช่วยเหลือ หากทั้ง 2 ประเทศตกลงกันไม่ได้
นายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้แทนรัฐบาลไทยเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่สิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 21-24 กรกฎาคม ได้เปิดเผยว่ากัมพูชาได้หยิบยกประเด็นปราสาทพระวิหารขึ้นมาหารือ โดยเล่าปัญหาที่เกิดขึ้นให้สมาชิกอาเซียนฟัง และพูดถึงเรื่องการส่งเรื่องไปยังสหประชาชาติ เพื่อให้ทราบเรื่องเท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้บรรจุในวาระคณะมนตรีความมั่นคงแต่อย่างใด ขณะที่ไทยได้ชี้แจงและยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นอาณาเขตของไทย
นายสหัส กล่าวว่า เรื่องนี้ล่าสุดรัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ ในฐานะประธานอาเซียน ได้ออกแถลงการณ์ว่า ทุกประเทศมีความเห็นร่วมกันว่า กรณีปราสาทพระวิหารเป็นเรื่องภายในระหว่างไทยกับกัมพูชาที่อาจมีการเข้าใจคลาดเคลื่อน จึงต้องการให้ทั้ง 2 ประเทศไปพูดคุยกันก่อน หากยังไม่ประสบความสำเร็จ อาเซียนก็พร้อมเข้าไปอำนวยความสะดวกให้
นายสหัส กล่าวว่า ที่ประชุมยังใช้เวลาส่วนใหญ่ พูดถึงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพายุไซโคลนนาร์กีสในพม่า โดยได้ขอร้องให้พม่าเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยเหลือได้ต่อไป เพราะเชื่อว่ายังมีผู้ต้องการรับความช่วยเหลืออยู่ ซึ่งพม่าได้ขอบคุณทุกฝ่าย อาเซียน รวมทั้งไทยที่ได้เข้าไปช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม ไทยได้เสนอไปว่าการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าถือเป็นสิ่งจำเป็น แต่ก็ต้องการให้คิดถึงการแก้ปัญหาระยะยาวด้วย โดยไทยพร้อมให้ทุนวิศวกรมาเรียนต่อที่MIT 10 ทุน ซึ่งที่ประชุมก็เห็นด้วย ส่วนเรื่องการเมืองภายใน พม่ายืนยันว่าจะให้มีการเลือกตั้ง ภายในปี 2553
ด้านนายวิทวัส ศรีวิหค อธิบดีกรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การที่ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนหยิบยกเรื่องปราสาทพระวิหารขึ้นมา เพราะเห็นว่าทั้ง 2 ประเทศเป็นสมาชิกอาเซียน และเพื่อนสมาชิกอาเซียนแสดงความห่วงกังวล แต่อาเซียนคงต้องรอฟังการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ไทย-กัมพูชา ในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ก่อน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะใช้ความอดทน อดกลั้น ยับยั้งชั่งใจอย่างถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เรื่องราวบานปลายออกไป และหากยังตกลงกันไม่ได้ ก็เชื่อว่าจะใช้กลไกของอาเซียนแก้ไขปัญหาอย่างฉันมิตรต่อไป


ที่มา:สำนักข่าวไทย
http://news.impaqmsn.com/articles.aspx?id=214450&ch=pl2

เขียนโดย zarmeow




วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เด็กอายุ 17 ปี เรียนปริญญาเอกที่ออกซ์ฟอร์ด

หนังสือพิมพ์เซาธ์ ไซน่า มอร์นิ่ง โพสต์ ของฮ่องกง ได้รายงานว่า มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด สถาบันการศึกษาชื่อดังของอังกฤษ ได้รับ นายโฮราทิโอ โบดิฮาร์ดโจ วัย 17 ปี จากฮ่องกง เข้าเรียนระดับปริญญาเอก ซึ่งจะทำให้นายโฮราทิโอ กลายเป็นนักศึกษาปริญญาเอกที่อายุน้อยที่สุดของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดในเวลานี้
นายโฮราทิโอ เข้าเรียนปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ตอนอายุ 14 ปี เรียนเพียง 2 ปีกว่าก็จบปริญญาตรีและปริญญาโท จบโทก็ไม่อยากเสียเวลาจึงเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาเอกสาขาวิชาคณิตศาสตร์ทันที
ความจริงนักศึกษาปริญญาเอกส่วนใหญ่ อายุมากกว่านายโฮราทิโออย่างน้อย 4 ถึง 5 ปีตอนเข้าเรียน แต่ความสามารถของนายโฮราทิโอกำลังถูกท้าทายจากน้องชายแท้ๆ ที่ชื่อมาร์ช ซึ่งเรียนเก่งกว่า ทั้งนี้ข่าวระบุไว้ว่าน้องชายคนสุดท้องของนายโฮราทิโอเป็นนักศึกษาอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ฮ่องกงที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย เพราะเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาตอนอายุเพียง 9 ขวบ และมีโครงการที่จะเข้าเรียนต่อในออกซ์ฟอร์ด ตอนที่เข้าเรียนคณิตศาสตร์ในมหาวิทยาลัยฮ่องกงแบบทิสต์ เมื่อเดือนกันยายนเมื่อปีที่ผ่านมาตอนอายุเพียง 9 ขวบ มาร์ชได้รับความสนใจจากทั่วโลก
น้องชายเข้าออกซ์ฟอร์ดเมื่อใด จะเป็นการสร้างสถิติใหม่ของออกซ์ฟอร์ดเอง และของครอบครัวโบดิฮาร์ดโจ
อย่างไรก็ตาม นายโฮราทิโอกล่าวว่า ถือโอกาสที่ได้เข้าเรียนในออกซ์ฟอร์ดจะเอาอย่างเท่าเทียมกับมาร์ก ซุกเกอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กซึ่งเป็นเว็บไซต์เครือข่ายสังคมและบิล เกตส์ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์
เรียนเก่งแบบนี้คงเทียบชั้นกับบิล เกตส์ ได้แน่นอน...

ที่มาจาก
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01edu06140751&day=2008-07-14&sectionid=0107

วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

นพดล ลาออกแล้ว ยันจำใจลาออกเพื่อสปิริต

นพดล ลาออกแล้ว ยันจำใจลาออกเพื่อสปิริต


นพดล ลาออกแล้วยันไม่เคยขายชาติ แต่จำใจลาออกเพื่อสปิริต ที่กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (10 กรกฏาคม) นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวลาออกจากตำแหน่ง ชี้แจงกรณีปราสาทพระวิหาร โดยระบุว่า ได้พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะรักษาดินแดนของไทยไว้ พร้อมยืนยันไม่เคยมีผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่ได้ทำให้ไทยเสียหาย อยากให้รัฐบาลเอาเวลาไปแก้ไขปัญหาให้ประชาชน แทนที่จะเสียเวลาแก้ไขการเมือง เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไป บ้านเมืองมีความสำคัญกว่าการเมือง

พี่น้องชาวไทยครับ ผมไม่ได้ขายชาติครับ ผมรักชาติเท่ากับคนไทยทุกคน ขอยืนยันอีกครั้งว่า กระผมไม่ได้ทำให้ประเทศเสียหาย ผมอยากให้รัฐบาลเอาเวลาไปแก้ไขปัญหาบ้านเมือง และความเดือดร้อนของประชาชน แทนที่จะเสียเวลาแก้ไขปัญหาการเมือง ทั้งนี้ เพื่อให้ความทุกข์ยากของประชาชนได้รับการแก้ไข ผมอยากเห็นความปรองดองสมานฉันทน์ ของทุกภาคส่วน เพื่อให้ประเทศไทยที่เป็นที่รักของเราได้เดินหน้าต่อไป เพราะว่าบ้านเมือวงของเรา มีความสำคัญกว่าตำแหน่งทางการเมืองของผม ผมขอย้ำว่า แม้ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ผมขอแสดงสปริต และความรับผิดชอบโดยการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2551 เป็นต้นไป ผมขอกราบขอบพระคุณ ท่านนายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช เพื่อนข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ทหารในกรมแผนที่ทหาร ท่านผู้บัญชาการทหารบกในความเป็นมืออาชีพ และความกล้าหาญที่จะยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง แม้ในวันที่พายุทางอารมณ์พัดรุนแรง และกระแสทางการเมืองที่เชี่ยวกราด ขอให้ทุกท่านเป็นหลักให้บ้านเมืองต่อไป ผมขอขอบคุณพี่น้อง เพื่อน ประชาชน ที่แสดงความเห็นใจผมในยามที่มรสุมทางการเมืองพัดกระหน่ำ มีบุคคลมากมายที่รักผม และให้กำลังใจผม โดยทางโทรศัพท์ และส่งเอสเอ็มเอส...."


http://hilight.kapook.com/view/26356

วันพุธที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

นพดล คนขายชาติ ?

จากกรณีที่ นายนพดล ปัทมะ (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ) ได้ออกแถลงการณ์ร่วม(Joint Communique) ลงนามกับ นาย ซก อัน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเนสโกลงนามเป็นพยานเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2551 สนับสนุนให้กัมพูชานำปราสาทพระวิหารไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยการเจรจาตกลงกันว่าให้กัมพูชาเป็นผู้ดูแลแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งเป็นกรณีที่ ชนชาติไทย มิได้เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง จึงได้มีการประท้วงกันเกิดขึ้น จนต้องเอาเข้าไปปราศรัยในรัฐสภา คุณคิดเห็นอย่างไรกับเหตุการณืที่เกิดขึ้นนี้ ?






ความคิดเห็นของศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ราชบัณฑิต ศาสตราภิชาน คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า

http://news.sanook.com/politic/politic_282071.php